How
Not to Learn English
ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของโลก
ใครรู้ภาษาอังกฤษก็สามารถลุยได้ทั่วโลก ทั้งต่อยอดการศึกษาและต่อยอดการค้า
ใครๆจึงอยากเก่งภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษมีวิธีฝึกอย่างไร ภาษาอังกฤษเป็น life
time learning หรือเรียนทั้งชีวิต ไม่มีทางลัด ไม่มีทางเร็ว
มีแต่ทางเริ่ม
ทริปในการฝึกพื้นฐานการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่บ้านก็เป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถฝึกและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
How Not to Learn English มีอยู่ด้วยกัน 5 ข้อคือ
1.Do not study in an area free of distractions
2.When listening ALWAYS watch with subtitles
3.Don’t practice the techniques you have discovered
4.Don’t find out the best way for you to learn
5.Don’t make a specific time for studying
(ตัดคำว่า Not ทั้งหมดออก เพราะมันเป็นทริค
ที่ในหัวข้อจะพูดตรงกันข้ามกันหมดเลย)
(1) Do
not study in an area free of distraction
นักเรียนมาเรียนด้วยไอโฟน ไอแพด หรือวิดีโอเกมส์เล็กๆ
ซึ่งเป็นสิ่งที่รบกวนถ้าอยู่ในคลาสเรียน แต่ถ้าเป็นทีบ้านจะง่ายกว่ามาก
เพราะที่บ้านมือหนึ่งถือเครื่องดื่ม อีกมือถือมันฝรั่งทอด
วิทยุหรือทีวีเปิดอยู่ข้างหลัง เด็กเล่นกันอยู่ข้างนอก ก็หันหน้าไปดูไม่ได้โฟกัสกับสิ่งที่ทำเลย
คุณต้องโฟกัสและทุ่มเท 100 เปอร์เซ็นต์ในเรื่องที่คุณกำลังทำ
สมาธิ
ความตั้งอกตั้งใจทำให้เกิดความจำ ถ้าคุณไม่มีสมาธิคุณก็จะลืม
ถ้าคุณจำอะไรไม่ได้ก็จะโทษ (โน่นโทษนี่ โทษไปเรื่อย โทษสื่อ วัสดุ เช่นหนังสือ
โทษโรงเรียน) แทนที่จะเป็นคุณขาดการโฟกัส คุณจะควรหาที่ที่ขาดการรบกวน
อาจเป็นมุมเล็กๆที่วางแลปทอปได้ ที่ไม่มีโทรทัศน์หรือวิทยุรบกวน
ที่สบายที่สามารถนั้งลงได้ ที่คุณรู้สึกสบาย ผ่อนคลายและไม่มีอะไรรบกวน
คุณจะได้โฟกัส เมื่อโฟกัสก็จะเรียนได้มากขึ้น นั้นคือ
คุณเรียนได้ไวขึ้นและทำให้ง่ายขึ้น
(2) When listening ALWAYS watch with subtitles
(2) When listening ALWAYS watch with subtitles
เวลาฟังห้ามดูซับไตเติลไปด้วยเสมอ
แต่บางทีตัวละครในหนังพูดเร็วมากหรือพูดศัพท์ยากก็จะทำให้สัยสนมาก
ให้พยายามฟังและเรียนรู้การโฟกัส ดังนี้
1) เพียงดูหนังหรืออะไรก็ได้โดยไม่มีซับไตเติ้ล เพียง 2-3
นาที
2)เขียนลงกระดาษว่าได้ยินอะไร
3)กลับปุ่ม play อีกครั้งแล้วฟังอีกรอบ
4)Check ว่าได้อะไรมา ได้มา 4 คำจาก 10 คำ เป็น 40 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด
คุณได้ 6 คำ จาก 10
คำ คุณได้ 60 เปอร์เซ็นต์
เป็นวิธีการที่ดีเยี่ยมเพื่อเช็คตรวจสอบ
5)บนกระดาษมันโกหกไม่ได้ ดังนั้นคุณจะโฟกัสมากขึ้นและพยายามทำให้ถูกต้องมากขึ้น
นี่คือการเรียนแบบมีพัฒนาการ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน
3.Don’t
practice the techniques you have discovered
ให้ฝึกเทคนิคที่คุณได้ค้นพบ ถ้าคุณดูวิดีโอการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
ครูสอนเทคนิคคุณทำไมคุณไม่ฝึกว่ะ เหมือนตอนคุณเด็กๆแล้วคุณหัดเดิน
คุณแม่หย่อนคุณลงพื้นให้คุณหัดเดินเองอย่างนั้นเลย คุณอาจจะล้มสัก 2-3 ครั้งก่อนแล้วคุณก็เดินเป็น ต่อไปคุณก็วิ่งได้
ถ้าคุณเรียนคำศัพท์อะไรมาให้ลองใช้คำศัพท์นั้น 3 ครั้ง
ในวันเดียวและเขียนสมุดลงวันต่อมาให้เขียนเป็นประโยค จากนั้นคุณก็จะจำคำศัพท์ได้แม่น
4.Don’t find out the best way for
you to learn
มนุษย์เราถูกสร้างมาให้ทำอะไรจนติดเป็นนิสัย
นั่นหมายถึงเราทำจนเป็นประจำกระทั่งเราชินกับมัน
และการทำเป็นประจำนั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ในการเรียนภาษาอังกฤษนี้เป็นข้อดี เช่น
ถ้าคุณเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองตอนบ่ายสามเป็นประจำ 1.และคุณบอกกับใครๆเช่นนั้น
เขาจะสนับสนุนคุณโดยช่วยเตือนความจำ “คุณครับสามโมงแล้วครับ”
เขาก็จะสนับสนุนคุณ 2.ส่วนทางจิตใจ
เวลาสามโมงเย็นสมองจะเตือนควมจำคุณ คุณมีอะไรต้องทำสักอย่างน่ะ
คุณมีอะไรต้องทำสักอย่างน่ะ ทำให้มันเรียนภาษาอังกฤษง่ายขึ้น พอมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณจริงๆมันจะเติบโตขึ้นข้างใน
(ความคิดและการกระทำของคุณ)
5.Don’t
make a specific time for studying
ทั้งหมดนี้มันดีมาก เมื่อคุณอยู่ที่บ้าน
สำหรับที่โรงเรียนคุณครูจะช่วยให้คุณเรียนออกมาได้ดีที่สุด แต่สำหรับคุณ
ต้องรับผิดชอบตัวเอง ตอนคุณอยู่ที่บ้าน คุณต้องหาวิธ๊ที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณ
- บางคนเรียนได้ดีที่สุดจากการดู
- บางคนเรียนได้ดีที่สุดจากการฟัง
- บางคนเรียนได้ดีที่สุดจากการใช้ร่างกาย
การเรียนภาษาไม่ใช่อะไรที่ยากซับซ้อนมันเป็นแค่เสียงที่มีความหมาย
แต่สิ่งที่คุณต้องทำจริงๆคือ เข้าใจความหมายของเสียงว่ามีอะไรในการสื่อสารกับคนอื่นๆ
เช่นเมื่อผมโบกมือ คุณรู้ว่าผมทำสิ่งนี้ว่าหมายถึงลาก่อน หรือ ฮัลโหล
ขึ้นอยู่กับบริบทเช่นกันกับเมื่อคุณเรียนภาษาและสำหรับคุณเพื่อที่จะเข้าใจ
คุณต้องค้นหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเพื่อเข้าใจ จะตอนเช้าตรู่
หรือตอนดึกดื่นกับเพื่อนหรือตัวคุณเอง ที่เงียบๆที่เฉพาะแบบข้อ1 ดังนั้นกฏทั้งหมดเหล่านี้มันคลาสสิคสำหรับการเรียนที่บ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น